วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บทเรียนสำหรับผู้เชื่อใหม่ : มั่นใจในความรอด

บทที่ 2 มั่นใจในความรอด


1. วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อผู้เชื่อจะเข้าใจและมั่นใจในความอดที่พระเจ้าประทานให้โดยพระคุณ
1.2 เพื่อผู้เชื่อจะมั่นใจในการดำเนินชีวิตในพระเจ้า
1.3 เพื่อเขาจะมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างถูกต้อง

2. ความหมายของความรอด
กจ.4.12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลยด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"
ความรอด การซื้อคืน ทำให้เกิดใหม่(Salvation Redemption; Regeneration) ภาพเสมือนเรือที่จมไปแล้วถูกกู้ขึ้นมาใหม่
ภาพของแก้วที่แตกถูกหลอมขึ้นมาใหม่ รากศัพท์ในความหมาย การทำให้ดีเหมือนเดิม เหมือนเดิมเมื่อเริ่มต้น
เมื่อกล่าวถึงข้อพระคัมภีร์เบื้องต้นก็จะมีความหมายว่าในผู้อื่นการทำให้ดีเหมือนเดิมไม่มี
ด้วยนามอื่นที่ทำให้ดีเหมือนเดิมไม่ได้ทรงโปรดให้มีท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า
เพราะการที่เราเชื่อพระเจ้าเราอาจจะมาจากสาเหตุมากมายหลายประการ
ถ้าเราคิดจะติดตามพระเจ้ามีแรงจูงใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเราก็ไม่ต่างอะไรจากการติดตามสิ่งที่คิดว่าศักดิ์สิทธิ์
เพราะในผู้อื่นการหายโรคมี แต่การทำให้ดีเหมือนเดิมไม่มี ในผู้อื่นการอัศจรรย์มีแต่การทำให้ดีเหมือนเดิมไม่มี
ในผู้อื่นมีคำสอนที่ดีแต่การทำให้ดีเหมือนเดิมไม่มี
ในความหมายของความรอดที่เราควรเข้าใจคือในพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่มีการทำให้ดีเหมือนเดิม

3. เราจะรับความรอดนี้ได้อย่างไร
3.1 พระเยซูคริสต์เป็นผู้ประทานให้แก่เราโดยพระคุณ เราได้รับเปล่า ๆ ไม่ได้เกิดจากความดีของเราพระคุณแตกต่างจากค่าจ้าง ค่าตอบแทน เพราะพระคุณเป็นการให้เปล่า ค่าจ้างเราลงแรง ลงมือทำผู้จ้างก็จ่ายราคาแต่พระคุณที่ประทานความรอดพระเจ้าทรงเรียกเราให้รับแบบให้เปล่า
3.2 รับโดยความเชื่อ
อฟ.2.8-9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ
แลมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเองแต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้น
จะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้
เงื่อนไขการรับความรอดคือการรับด้วยปากการเชื่อด้วยใจก็รอดแล้วโดยพระคุณ
เช่น มีคนส่งธนาณัติมาให้เรา( เสมือนพระเจ้าประทานความรอดมาให้เรา) เราเดินทางไปลงชื่อเบิกเงินที่ไปรษณีย์
( รับด้วยปากเชื่อด้วยใจ ) เราก็ได้รับเงิน ( ความรอด )

4. เรามั่นใจได้อย่างไรว่าพระเยซูเป็นหนทางแห่งความรอดของมนุษย์
พระเยซูยืนยันว่าพระองค์เป็นทางรอดทางเดียว
ยน.14.6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า"เราเป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิตไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
จากข้อพระคัมภีร์ข้างต้นให้ข้อคิดในสองมุมความคิดคือถ้าพระเยซูอ้างว่าพระองค์เป็นทางรอดเดียว เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า
หนึ่ง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าจริง
สอง พระองค์ทรงเป็นสุดยอดแห่งนักโกหกหรือเป็นคนบ้าเสียสติอย่างร้ายแรง
แต่จากหลักฐานและสิ่งที่บันทึกในพระคัมภีร์ไม่มีสักตอนหนึ่งที่สำแดงว่าพระองค์เสียสติ หรือโกหก
สาวกของพระเยซูคริสต์ยืนยัน
กจ.4.12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลยด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"
สาวกคือคนสนิทที่คลุกคลีและใช้ชีวิตใกล้ชิดพระเยซูยืนยันความรอด การกล่าวเช่นนี้เพราะการที่จะมีใครกล่าวยืนยันชมเชย
รับรอง ว่าใครสักคนเป็นคนใจเย็น ใจดี สุภาพ ไม่โกหก ไม่เคยโกงใคร ก็ควรจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิด
เช่นสาวกพระเยซูกล่าวยืนยันพระเยซูว่าทรงเป็นความรอด
พระเจ้ากำหนดให้พระเยซูเป็นความรอดของมนุษย์โดยชื่อของพระองค์เอง
คือ ชื่อ เยซู แปลตามความหมายคือ พระผู้ช่วยให้รอด
ลก.2.11 เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลายคือพระคริสตเจ้ามาบังเกิดที่เมืองดาวิด
รม.5.8-10 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลายคือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเราเพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระอาชญาของพระเจ้าโดยพระองค์ เพราะว่าถ้าขณะที่เรายังเป็นศัตรูต่อพระเจ้าเราได้กลับคืนดีกับพระองค์ โดยที่พระบุตรของพระองค์สิ้นพระชนม์ยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อเรากลับคืนดีแล้วเราก็จะรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์แน่
มั่นใจโดยพระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับผู้เชื่อ
รม.8.38-39 พราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าแม้ความตายหรือชีวิตหรือบรรดาทูตสวรรค์หรือเทพเจ้า
หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้าหรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย
หรือซึ่งสูงหรือซึ่งลึกหรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้นจะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลาย
ขาดจากความรักของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
มั่นใจด้วยประสบการณ์ของเราเอง
2 คร.5.17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้วสิ่ง สารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไปนี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
ชีวิตของผู้เชื่อที่เปลี่ยนไปอย่างอัศจรรย์ นิสัยบาปต่างๆ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง การมีชัยชนะเหนือบาป เหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครเถียงได้เพราะประสบการณ์หมายสำคัญแห่งความรอดเกิดขึ้น
จากการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของเหล่าผู้เชื่อ

5. เราจะรักษาความรอดอย่างไร

 
เห็นคุณค่าความรอด
1 ปต.1.3-12 สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเราผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา
ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
และเพื่อให้ได้รับมรดกซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่าปราศจากมลทินและไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์เพื่อท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ทรงคุ้มครองไว้ด้วยความเชื่อให้ถึงความรอดซึ่งพร้อมแล้วที่จะปรากฏในวาระสุดท้าย ในความรอดนั้นท่านทั้งหลายชื่นชมยินดีถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้จำเป็นที่ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่งในการถูกทดลองต่างๆ เพื่อการลองดูความเชื่อของท่านอันประเสริฐยิ่งกว่าทองคำซึ่งแม้เสียไปได้ก็ยังถูกลองด้วยไฟ จะได้เป็นเหตุให้เกิดความสรรเสริญเกิดศักดิ์ศรีและเกียรติในเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปรากฏ
พระองค์ผู้ที่ท่านทั้งหลายยังไม่ได้เห็นแต่ท่านยังรักพระองค์อยู่แม้ว่าขณะนี้ท่านไม่เห็นพระองค์
แต่ท่านยังเชื่อและชื่นชมด้วยความปีติยินดีเป็นล้นพ้นเหลือที่จะกล่าวได้แล้ววิญญาณจิตของท่านทั้งหลายจึงได้รับความรอดเป็นผลแห่งความเชื่อ บรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ได้พยากรณ์ถึงพระคุณซึ่งจะบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายก็ได้สืบค้นและสอบถามเกี่ยวกับเรื่องความรอดนี้ เขาได้สืบค้นหาบุคคลและเวลาซึ่งพระวิญญาณของพระคริสต์ผู้ทรงสถิตอยู่ในตัวเขา ได้ทรงบ่งไว้เมื่อเขาได้ทำนายถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์และถึงพระสิริที่จะมาภายหลัง ก็ทรงโปรดเผยให้ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นทราบว่าที่เขาเหล่านั้นได้ปรนนิบัติในเหตุการณ์ทั้งปวงนั้น ไม่ใช่สำหรับเขาเองแต่สำหรับท่านทั้งหลายบัดนี้คนเหล่านั้นที่ประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านทั้งหลาย ก็ได้กล่าวสิ่งเหล่านั้นแก่ท่านแล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงโปรดประทานจากสวรรค์เป็นสิ่งซึ่งพวกทูตสวรรค์ปรารถนาจะได้ดู สิ่งใดก็ตามเราเห็นคุณค่าเราจะเก็บรักษาไว้อย่างดี เหล่าบรรพชนคริสเตียนเห็นคุณค่าความรอด จนยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตเมื่อถูกบีบบังคับให้ปฏิเสธพระเยซู การยอมถูกประหารชีวิตดีกว่าการสูญเสียความรอดและต้องตกนรก
ต้องสารภาพบาปอย่างสมำเสมอ
1 ยน1.9 ถ้าเราสารภาพบาปของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเราและจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
การสารภาพบาปเปรียบเสมือนการอาบน้ำชำระร่างกายทุกวัน
ต้องติดสนิทกับพระเจ้า
ยน.15.6-7 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเราผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนงแล้วก็เหี่ยวแห้งไปและถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเราและถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้วท่านจะขอสิ่งใดซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น
เมื่อเราใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าจะทำให้เรามีความมั่นคงใจความเชื่อมากขึ้น

6. สิ่งที่เราได้รับเมื่อไว้วางใจในพระเยซู
ชีวิตนิรันดร์
ยน.3.16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุก คนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์
สมัยก่อน คริสโตเฟอร์โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกา กองทัพเรือสเปนมีคำเขียนไว้ที่ธงของเรือเป็นภาษาลาตินว่า เนอูปูตา แปลว่าไกลกว่านี้ไม่มีอีก
ยิ่งใหญ่กว่ากองทัพเรือสเปนไม่มีอีก แต่เมื่ค้นพบอเมริกาคำว่าเนจึงถูกลบไปเหลือแต่คำว่าอูปูตา แปลว่าไกลกว่านี้ยังมีอีก
คนจำนวนมากไม่ตระหนักกว่าไกลกว่าชีวิตในโลกนี้มีอีกด้านหนึ่งที่เป็นนิรันดร์ คือนิรันดร์ในนรก หรือนิรันดร์ในสวรรค์
เมื่อเราเชื่อในพระเจ้าบาปของเราถูกยกเลิกโดยพระโลหิตพระเยซู มาตรฐานเดียวที่เราต้องได้รับคืออยู่สวรรค์มีชีวิตนิรันดร์
เป็นบุตรพระเจ้า
ยน.1.12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า
เมื่อก่อนเราห่างเหินจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อเวลาไปขออะไรการขอแสดงความห่างเหินและน่าหวาดกลัว
ขอแล้วต้องติดสินบน หัวหมู เหล้า ไก่ เรียกแทนตัวเองเป็นลูกช้าง ลูกม้า ถ่อมสุดบางคนเรียกตนเองเป็นลูกอะไรก็ไม่รู้
สำแดง ความห่างไกล แต่เมื่อเราเชื่อในพระเจ้าแผ่นดินสวรรค์ต้อนรับเราอย่างศักดิ์ศรีลูกพระเจ้า แล้วเราไม่ขี้ตู่เราเรียกพระเจ้าว่าพ่ออย่างสนิทใจใกล้ชิด
รม.8.16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่าเราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า
ชีวิตที่ครบบริบูรณ์
ยน.10.10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสียเราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์
คนมาหาพระเยซูด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่าง อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม หรือ เลื่อมใสศรัทธา
แต่เมื่อเราเชื่อในพระเจ้าพระองค์ไม่ได้มอบให้เราเพียงที่เราอยากได้แต่ทรงให้ ทรงสอน ทรงสร้าง
ทรงมีแผนการณ์และจัดเตรียมสิ่งสารพัดให้เราอย่างครบบริบูรณ์ เห็นจักรวาลไหม
ระบบทั้งหมดบริบูรณ์อย่างอัศจรรย์และระบบอัศจรรย์ส่งผลเพื่อค้ำชูโลกและสุริยะจักรวาล
ให้ดำเนินอยู่อย่างเป็นระบบและระบบทั้งหมดพระเจ้าทรงมอบทั้งหมดแห่งความบริบูรณ์ให้กับลูกของพระองค์
ครอบครองจงภาคภูมิใจเมื่อเราอยู่ในน้ำพระทัยและแผนการณ์ของพระเจ้า
เพราะท่านเป็นคนที่พระเจ้าทรงให้จักรวาลทั้งหมดสนับสนุนท่านสู่ความบริบูรณ์
สันติสุข
ยน.14.27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลายสันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้นเราให้ ท่านไม่เหมือนโลกให้อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย
สันติสุขเป็นแหล่งผลิตความสุข เรามีความสุขเราอาจจะมีชั่วครั้งชั่วคราว กินเหล้ากับเพื่อนมีความสุข
หายเมาทุกข์ ปวดหัว ไม่มีเงิน เมียด่า ดูหนังมีความสุขเลิกดูหนังทุกข์ ความสุขตอบสนองความต้องการของกายและจิตใจ
แต่สันติสุขมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ เราอาจไม่มีเงินแต่เรายังคงสันติสุขเพราะไว้วางใจพระเจ้า
เรา อาจเผชิญปัญหาแต่เรายังมีสันติสุข เพราะเราไว้วางใจและมอบปัญหานั้นไว้กับพระเจ้าเราทำส่วนของเราพระเจ้าจะ ดำเนินการในส่วนของพระองค์
ชีวิตที่เปลี่ยนใหม่2 คร.5.17
เราได้พูดถึงไปแล้วจากบทเรียนการบังเกิดใหม่รากฐานที่พระเจ้าประทานพระวิญญาณใหอยู่ในชีวิตเรา
ต้นเป็นเนื้อหนัง( บาป ) ก็ผลิตผลบาป
กท.5.19-20 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัดคือการล่วงประเวณี การโสโครกการลามก
การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูงการทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเรและการอื่นๆในทำนองนี้
ต้นเป็นพระวิญญาณผลก็เป็นพระวิญญาณ
กท.5.22-23 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้นคือความรักความปลาบปลื้มใจสันติสุข
ความอดกลั้นใจความปรานีความดีความสัตย์ซื่อความสุภาพอ่อนน้อมการรู้จักบังคับตนเรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย
1
ยน.4.15 ผู้ใดยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าพระเจ้าก็จะทรงสถิตอยู่ในคนนั้นและคนนั้นอยู่ในพระเจ้า
ผลสำแดงความรอดคือเราต้อนรับพระเจ้าพระวิญญาณสถิตกับเราที่บ้านเราเคยต้อนรับผู้ใหญ่ของสังคมไหม เอาเป็นว่าผู้ว่าเคยไปไหมนายกเคยเยี่ยมหรือเปล่าแค่ระดับท้องถิ่นในประเทศนะครับพอไปถ่ายรูปขยายใหญ่ติดฝาบ้านภูมิใจอย่างมาก เราจะภาคภูมิใจและไม่อวดแค่รูปเลยถ้าผู้ใหญ่ท่านนั้นมาอยู่กับเราแล้วบอกคนทั้งปวงว่าเราเป็นญาติสนิทกับเขา เช่นเดียวกันเมื่อเราเชื่อในพระเจ้าพระเจ้าไม่เพียงมาเยี่ยมเปแนครั้งคราวเช่นที่ยกตัวอย่างแต่พระองค์สถิตอยู่ด้วย และในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณรับรู้มีการประกาศไปทั่วกันว่าเราเป็นลูกของพระเจ้าพระเจ้าอยู่ด้วยกับคนนี้ เรามีคุณค่าอัศจรรย์พระคุณพระเจ้าอย่างยิ่งที่พระองค์สถิตอยู่กับเรา
 

7. คำถามสำหรับการสนทนา
7.1 เมื่อท่านทราบว่าพระเจ้าทรงรักและประทานความรอดนิรันดร์แก่ท่านล้ว ท่าควรจะปฏิบัติอย่างไรให้เหมาะสมกับที่ท่านได้รับความรอดแล้ว
7.2 อยากจะขอให้ท่านแบ่งปันถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่านนับคั้งแต่วันที่พบความรอดในพระเยซูคริสต์
การบ้านสำหรับผู้เรียน
1. ท่องข้อพระคัมภีร์
อฟ.2.8-9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อและมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเองแต่พระเจ้าทรงประทานให้
ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้
2. อ่านหนังสือ
- ชีวิตฉงน
- พระเยซูคือใคร
- ความรอดของจิม กัสตั๊ฟสัน
- คริสตชนเชื่ออย่างไร ของกนกบรรณสาร
3. ฟังเทปคำสอน
- เข้าใจชีวิตใหม่



ที่มา :  คริสตจักรแห่งนิมิตนครราชสีมา
         www.visionofchristchurch.com

บทเรียนสำหรับผู้เชื่อใหม่ : การกลับใจใหม่

บทที่ 1 กลับใจใหม

1. วัตถุประสงค์


1.1 เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจว่าการกลับใจใหม่คืออะไร
1.2 เพื่อเขาสามารถสำรวจตนเองว่ากลับใจใหม่แล้วหรือยัง
1.3 เพื่อให้เขาสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้องหลังจากรับเชื่อJ
2. ความสำคัญของการกลับใจใหม่


2.1
เป็นคำสั่งของพระเยซูคริสต์
ลก.24.47 และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์ให้เขากลับใจใหม่รับการยกบาป ตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม

2.2 การกลับใจใหม่เป็นความจำเป็นของคนในแผ่นดินของพระเจ้า
มธ.4.17 ตั้งแต่นั้นมาพระเยซูได้ทรงตั้งต้นประกาศว่า"จงกลับใจเสียใหม่เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว"
2.3 การกลับใจใหม่นำเราออกจากการลงโทษ
ลก.13.13 เราบอกท่านทั้งหลายว่ามิใช่แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กลับใจใหม่จะต้องพินาศเหมือนกัน ลก.24.47
กจ.2.38 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า"จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซู คริสต์สิ้นทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านเสียแล้วท่านจะได้รับพระราชทานพระ วิญญาณบริสุทธิ์
2.4 การกลับใจใหม่เป็นการนำชีวิตมาอยู่ในการเจิมให้ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์
วว.2.5 เหตุฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าได้หล่นจากมาแล้วนั้นจงกลับใจเสียใหม่ และประพฤติตามอย่างเดิม มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าและจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่เว้นไว้แต่เจ้าจะ กลับใจใหม่
3. ความหมายของการกลับใจใหม่

3.1 ความหมายจากรากศัพท์เดิมในภาษากรีก
ความหมาย "กลับใจใหม่"ในรากศัพท์เข้าไปด้วยครับ เพราะคิดว่าน่าจะทำให้เกิดความเข้าใจได้มากขึ้น
กจ 2:38 : “ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า ‘จงกลับใจใหม่และ รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์สิ้นทุกคน
เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิด บาปของท่านเสีย แล้วท่านจะได้รับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์”
จง กลับใจใหม่ = (metanoeo,เมะทานอเอะโอ) มีความหมายว่า กลับใจใหม่,เปลี่ยนท่าทีในใจ,หันจากความผิดบาปของตน,เปลี่ยนหนทางชีวิตเสีย ใหม่
ดังนั้นพอสรุปได้ว่าการกลับใจใหม่ในตอนนี้หมายถึง
ก. การเปลี่ยนท่าทีในจิตใจ
ข. หันจากความบาปของตน โดยเป็นภาพของการกระทำ (เปลี่ยนหนทางชีวิต)

3.2 ความรู้สึกเสียใจในความบาปต่อพระเจ้า
ความ บาปในความหมายเดิมของภาษาฮีบรู ฮามาเทีย เป็นลักษณะคำอุทานของพรานที่พุ่งอาวุธใส่เป้าหมายแล้วพลาดก็อุทาน ฮามาเทีย คือพลาดเป้า และความบาปที่เราสำนึกและรู้จักกันดีล้วนอยู่ในสึกผิดชอบ เช่น โกหก ฆ่า ล่วงประเวณี ยาเสพติด ลัก หรือ อื่น ๆ ที่มนุษย์ปุถุชนคนปกติรู้แล้วว่าบาป เช่น ทะเลาะวิวาท เอาเปรียบคนอื่น เหลวไหลไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ครู อาจารย์ เมื่อเรารู้ความจริงเรื่องพระเจ้า สิ่งแรกที่เราควรตอบสนองการกลับใจใหม่คือเสียใจต่อบาปที่เราทำหรือละเลย
สด ด.51.1-4 ข้าแต่พระเจ้าขอทรงแสดงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ตามความรักมั่นคงของพระองค์ขอ ทรงลบ การทรยศของข้าพระองค์ออกไปตามแต่พระกรุณาอันอุดมของพระองค์
ขอทรงล้างข้าพระองค์จากความบาปผิดให้หมดสิ้นและทรงชำระข้าพระองค์จากบาปของข้าพระองค์
เพราะ ข้าพระองค์ทราบถึงการละเมิดของข้าพระองค์แล้วและบาปของข้าพระองค์อยู่ต่อ หน้า ข้าพระองค์เสมอข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ต่อพระองค์เท่านั้นและได้กระทำ สิ่งที่ชั่วร้ายใน สายพระเนตรพระองค์ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงยุติธรรมในคำพิพากษาและไร้ตำหนิ ในการพิพากษานั้น
2 คร.7.9 แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดีมิใช่เพราะท่านเสียใจแต่เพราะความเสียใจ นั้นทำให้ท่านกลับใจใหม่เพราะว่าท่านได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระ เจ้าท่านจึงไม่ได้ผลร้ายจากเราเลย

3.3 สารภาพความผิดที่เรากระทำทั้งหมด
1 ยน.1.9 ถ้าเราสารภาพบาปของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเราและจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
สารภาพ กับผู้ที่เราทำผิดต่อเขา สารภาพกับพี่เลี้ยง( ในกรณีที่ผู้เชื่อใหม่พร้อม ) สารภาพกับพระเจ้า ด้วยความจริงใจการเชื่อในการอภัยบาปต้องมาจากภายในที่เชื่อและพฤติกรรมที่ กำหนดออกมาเป็นคำพูด
รม.10.10 ด้วยว่าความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรมและการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด

3.4 ตัดสินใจละทิ้งบาปไม่หันกลับไปทำบาปอีก
ตัดสินใจเด็ดขาดในการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพระเจ้า
มธ.16.24 ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า"ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ ผู้นั้นเอาชนะตัวเองและรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
กจ.3.19 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความ ผิดบาปของท่านเสียเพื่อวาระพักผ่อนหย่อนใจจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า

3.5 ตัดสินใจเกลียดชังบาป
เป็นสภาวปกติของคนกลับใจใหม่ต้องเกลียดชังความบาปเพราะสภาพปกติของคนของพระเจ้าไม่คุ้นเคยการทำบาป
1 ยน.3.9 ผู้ใดบังเกิดจากพระเจ้าผู้นั้นไม่กระทำบาปเพราะสภาพของพระเจ้าดำรงอยู่กับผู้นั้นและเขากระทำบาปไม่ได้เพราะเขาเกิดจากพระเจ้า
9No one born of God commits sin; for God's nature abides in him, and he cannot sin because he is born of God.
ข้อ ความข้างต้น คือเป็นความสมบูรณ์คือปกติไม่ทำบาปเพราะเราบังเกิดจากพระเจ้าสภาพพระเจ้า (God's nature) อยู่กับเราตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น สภาวปกติของแมวแห้งสนิทไม่เปียกแมวจะกลัวเปียก แมวเมื่อลุยพื้นเปียกจะเขย่งเท้าด้วยรังเกียจ แมวตกน้ำจะรีบตะเกียกตะกายหนีจากน้ำสุดชีวิต ( ภาพคนของพระเจ้าตะกายหนีบาปด้วยรังเกียจ ) แต่สภาพปกติหมูจะเปียกแฉะและสกปรกเปรียบเช่นเมื่อเรายังไม่กลับใจใหม่โดยพระ เจ้าเราจะไม่รู้สึกอะไรกับความเปียกแฉะด้วยบาปหมูเมื่อเจ้าของล้างตัวแห้ง สะอาดคอกสะอาดหมูก็มักจะทำเหมือนเดิมคือเกลือกกลิ้งให้ตัวสกปรกเพราะสภาพ ปกติสกปรกตรงข้ามกับแมว ( คนชอบธรรม ) ที่สะอาดและเกลียดชังความสกปรก

3.6 ชดใช้คืนในกรณีที่สามารถใช้คืนได้
เช่น ศักเคียส ลก.19.8 ฝ่ายศักเคียสยืนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า"ดูเถิดพระเจ้าข้าทรัพย์สิ่งของของ ข้าพระองค์ข้าพระองค์ยอมให้คนอนาถากึ่งหนึ่งและถ้าข้าพระองค์ได้ฉ้อโกงของ ของผู้ใดข้าพระองค์ยอมคืนให้เขาสี่เท่า"
ข้อ 8 ฝ่ายศักเคียสยืนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "ดูเถิด พระเจ้าข้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนอนาถากึ่งหนึ่ง
• ศักเคียสแสดงการกลับใจใหม่โดย ยินดีให้ทรัพย์ของตนแก่คนอื่น
• การกลับใจจริงต้องการมีการสำแดงออก
มัทธิว 3:8 เหตุฉะนั้นจงพิสูจน์การกลับใจของเจ้าด้วยผลที่เกิดขึ้น
• ศักเคียสแสดงออกของการกลับใจโดยเขาไม่ได้ยึดติดกับทรัพย์สิน เขายินดีติดตามพระเยซู
* เราจะเห็นได้ว่าการแสดงออกของศักเคียสแสดงออกในการกลับใจได้อย่างน่าประทับใจโดยการใช้คืนในอัตราสูงสุด
อพยพ 22:1-2
ข้อ 1 "ถ้าผู้ใดลักโคหรือแกะไปฆ่าหรือขาย ให้ผู้นั้นใช้โคห้าตัวแทนโคหนึ่งตัว และแกะสี่ตัวแทนแกะตัวหนึ่ง
อพยพ 22:7 "ถ้าผู้ใดฝากเงินหรือสิ่งของไว้กับเพื่อนบ้าน แล้วของนั้นถูกขโมยลักไปจากเรือนผู้นั้น ถ้าจับขโมยได้ขโมยต้องใช้แทนเป็นสองเท่า
มีหลักบัญญัติการฉ้อโกง ต้องการชดใช้คืนตามธรรมบัญญัติ
ศักเคียสเชื่อฟังพระบัญญัติ ยินทำตามธรรมบัญญัติ
• เขาทำเกินกว่าที่ธรรมบัญญัติไว้เสียงอีก
• พระคัมภีร์บอกว่าถ้าฉ้อโกงมาต้อง ใช้คืนเป็นสองเท่า(สำหรับขั้นต่ำสุด)
• แต่ศักเคียสยินดี แสดงผลการกลับใจศักเคียส คืนเป็นสี่เท่า

เรา ควรมีความเข้าใจเรื่องการใช้คืนเพราะถ้าเราไม่ใช้คืนในความผิดของเราต่อผู้ อื่นเราเองก็จะฟ้องผิดในจิตใจเสมอ มี ครั้งหนึ่ง... หลายสิบปีที่ประเทศเกาหลีเหนือ เมื่อครั้งมีการเคลื่อนทัพเข้ายึดครองของพรรคคอมมิวนิสต์ศิษยาภิบาลและ คริสเตียนถูกกล่าวหาว่าเป็นเครื่องมือมอมเมาประชาชนของระบบทุนนิยม ความเข้าใจผิดนี้ได้ส่งผลเสียต่อชุมชนคริสเตียน.. ศิษยาภิบาลหลายร้อยคนสูญหายและเสียชีวิต มีศิษยาภิบาลท่านหนึ่งตัวท่ารอดและเดินทางไปเกาหลีใต้และรับใช้พระเจ้าที่นั่น แตลูกชายของท่านถูกสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนหนึ่งยิงเสียชีวิต ... หลายปีต่อมา..ชายหนุ่มที่ลงมือสังหารบุตรชายศิษยาภิบาลได้เชื่อพระเจ้า..และ เมื่อกลับใจใหม่... สำนึกในความผิดยินดีจ่ายราคาด้วยการพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าประเทศเกาหลี ใต้ด้วยวัตถุประสงค์ที่ปรารถนาไปพบบิดาของผู้ที่เขาสังหารเพื่อขอโทษ ... และสิ่งที่เขาใช้คืนก็คือขอเป็นลูกชายของศิษยาภิบาลยินยอมทุกอย่างที่จะรับ ใช้พระเจ้าให้เกิดผลสูงสุดทำหน้าที่แทนบุตรชายของศิษยาภิบาลที่จากไปด้วย ฝีมือของเขาและนี่นเป็นลักษณะการจ่ายราคาใช้คืน ไม่ได้หมายความว่าต้องจ่ายราคาด้วยการให้ศิษยาภิบาลคนนั้นลงโทษเขาด้วยการ ฆ่าให้ตาย 4 ครั้ง


ที่มา : คริสตจักรแห่งนิมิตนครราชสีมา
        www.visionofchristchurch.com 

บทเรียนสำหรับผู้เชื่อใหม่ : การเฝ้าเดี่ยว

บทที่ 3 การเฝ้าเดี่ยว



1. วัตถุประสงค์บทเรียน
เพื่อช่วยให้ผู้เชื่อใหม่เข้าใจความหมายและความสำคัญของการเฝ้าเดี่ยวรวมทั้งวิธีการในการเฝ้าเดี่ยว

2. ข้อแนะนำในการใช้บทเรียน
ผู้สอนต้องเฝ้าเดี่ยวจนเป็นนิสัยเพื่อจะสอนจากประสบการณ์ชีวิตได้
3. การนำเข้าสู่บทเรียน
เล่าประสบการณ์ชีวิตที่พี่เลี้ยงได้รับพระพรจากการเฝ้าเดี่ยว
ท้าทายผู้เชื่อใหม่ให้เกิดความคาดหวังและตื่นเต้นที่จะได้รับพระพรจากการเฝ้าเดี่ยว

4. เนื้อหาบทเรียน
การเฝ้าเดี่ยวคืออะไร
การเฝ้าเดี่ยวคือการเข้ามาหาพระเจ้าเป็นการส่วนตัวในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นการเฝ้าเดี่ยวจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณของชีวิตคริสเตียน
การเฝ้าเดี่ยวประกอบด้วย
1) การอธิษฐาน
2) การนมัสการ
3) การอ่านพระคัมภีร์และเชื่อฟังพระคัมภีร์

ความสำคัญของการเฝ้าเดี่ยว
การเฝ้าเดี่ยวมีความสำคัญมากต่อชีวิตคริสเตียนเพราะเป็นช่วงเวลาที่คริสเตียนผู้นั้นได้พบพระเจ้าเป็นการส่วนตัว
จำเป็นอย่างยิ่งที่คริสเตียนต้องสามัคคีธรรมกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัวทุกวัน
อฟ.6.18-19 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่างจงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา
ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่างจงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน
และอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าด้วยเพื่อจะทรงประทานให้ข้าพเจ้ามีคำพูดและเกิดใจกล้าประกาศ
และสำแดงข้อลับลึกแห่งข่าวประเสริฐได้
ก. เพราะพระเจ้าสร้างเรามาเพื่อสามัคคีธรรมกับพระองค์
ตั้งแต่ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ที่สวนเอเดน แต่เมื่อมนุษย์ได้กระทำบาปต่อพระเจ้าทำให้สัมพันธภาพที่สนิทสนมยิ่งระหว่าง มนุษย์กับพระเจ้าได้สูญหายไป เมื่อพระเยซูคริสต์ได้ทรงเสด็จมาสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปเราบนไม้กางเขน นำการยกโทษบาปแก่ผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์ทำให้เกิดการนำกลับคืนดีระหว่าง มนุษย์และพระเจ้าอีกครั้ง
ข. พระเยซูทรงใช้เวลาเช้ามืดออกไปเฝ้าพระบิดา
มก.1.35 ครั้นเวลาเช้ามืดพระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐานที่นั่น
จึงเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคริสเตียนที่ต้องทำอย่างนี้ด้วย
ค.เพราะการเข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นการส่วนตัวในแต่ละวันจะช่วยให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณจิตของผู้นั้นเจริญเติบโตขึ้นในพระเจ้า
ร่างกายของเราต้องการอาหารฉันใด ชีวิตฝ่ายวิญญาณเราต้องการอาหารฉันนั้น
พระวจนะพระเจ้าคืออาหารฝ่ายจิตวิญญาณของเรา ถ้าเราขาดการอ่านพระวจนะของพระเจ้า
ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราก็จะอ่อนแอ การเฝ้าเดี่ยวเป็นการเข้าไปรับกำลัง ความชื่นชมยินดี
รับคำแนะนำตักเตือน ช่วยให้ชีวิตของเราถูกเปลี่ยนแปลงเหมือนกับพระเจ้าทุกวัน ๆ มีชีวิตที่คงเส้นคงวาในการติดตามพระเจ้า
ถ้าเราละเลย หรือทิ้งการเฝ้าเดี่ยว ก็ส่งผลเสียต่อชีวิตของเราคือเราจะขาดการถูกสร้างชีวิตจากภายใน
เรากำลังปฏิเสธสิทธิพิเศษที่จะมีสัมพันธ์สนิทสนมกับพระเจ้า เราจะขาดประสบการณ์แห่งฤทธิ์เดช
และการฟื้นฟูใหม่ในใจของเรา เราจะขาดพระพรที่พระเจ้าทำการใหญ่ยิ่งผ่านทางชีวิตของเรา
เราจะกลายเป็นคริสเตียนที่อ่อนแอตลอดช่วงเวลาที่ขาดการเฝ้าเดี่ยวกับพระเจ้า

เฝ้าเดี่ยวได้อย่างไร
เมื่อ เรารู้แล้วว่าการเฝ้าเดี่ยวมีความสำคัญมากยิ่งเพียงไร เราจะต้องใสใจว่าจะมีชีวิตเฝ้าเดี่ยวได้อย่างไร ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีข้อเสนอ 4 ประการ
ก. มีท่าทีที่ถูกต้อง
สิ่งแรกที่เราควรทำในการเฝ้าเดี่ยวคือ การมีท่าทีในใจที่ถูกต้อง
1 ซมอ.16.7 แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า"อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา
ด้วยเราไม่ยอมรับเขาเพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดูมนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ"
บางครั้งเรากระทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยท่าทีที่ผิด เหมือนกับกษัตริย์อามาซิยาห์กระทำใน
2 พกษ.14.3-4 และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้าแต่ยังไม่เหมือนกับดาวิด
บรรพบุรุษของพระองค์พระองค์ทรงกระทำตามทุกสิ่งซึ่งโยอาชราชบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ
แต่ว่าปูชนียสถานสูงนั้นยังมิได้ทรงรื้อเสียประชาชนยังคงถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมบนปูชนียสถานสูงเหล่านั้น
ดังนั้นเมื่อเราเข้ามาหาพระเจ้าควรเข้ามาด้วยท่าทีที่ถูกต้อง ด้วยใจที่หิวกระหายอยากจะพบพระเจ้า
เราควรเข้ามาด้วยท่าทีที่คาดหวังด้วยใจกระตือรือร้นจดจ่อต้องการพบพระเจ้า ดาวิดเป็นแบบอย่างดังที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์
สดด.63.1 ข้าแต่พระเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ข้าพระองค์แสวงพระองค์
จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์เนื้อหนังของข้าพระองค์กระเสือกกระสนหาพระองค์ในดินแดนที่แห้งและอ่อนโหยที่ที่ไม่มีน้ำ
สดด.42.1-2 กวางกระเสือกกระสนหาลำธารที่มีน้ำไหลฉันใดข้าแต่พระเจ้าจิตวิญญาณของข้าพระองค์ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น
จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้าหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์เมื่อไรข้าพระองค์จะได้มาเห็นพระพักตร์พระเจ้า
ถ้า เรามีท่าทีเช่นนี้เราจะไม่ผิดเวลา หรือมาสาย ในการเข้าเฝ้าพระเจ้า ท่าทีที่ถูกต้องคือการเข้ามาด้วยใจที่ยกย่องเห็นคุณค่าปรารถนาที่จะเชื่อฟัง พระเจ้า
รอคอยพระเจ้าด้วยใจที่สงบนิ่ง ตระหนักเสมอว่า คือองค์พระเจ้าผู้เป็นที่เกรงกลัวในสภาของบรรดาผู้บริสุทธิ์ใหญ่ยิ่ง
และน่าเกรงขามเหนือกว่าทั้งสิ้นที่อยู่รอบพระองค์
สดด.89.7 และการตอบสนองที่ดีที่สุดต่อพระเจ้าในการเฝ้าเดี่ยวคือการเชื่อฟังและกระทำตามที่พระเจ้าทรงสอนจากพระวจนะของพระองค์
ข.เลือกเวลาที่เจาะจง
เวลาที่เหมาะสมในการเฝ้าเดี่ยวของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นเราจะต้องจัดสรรเวลาที่เหมาะสมที่สุดของเรา
และจะใช้เวลานานเท่าใด อาจตอบได้ว่า เราควรเลือกเวลาที่ดีที่สุดให้พระเจ้า ควรเป็นช่วงเวลาที่เราสดชื่นที่สุด
ร่างกายพร้อมที่สุด ไม่ควรเป็นเวลาที่เราเหน็ดเหนื่อยฝ่ายร่างกาย จากพระวจนะพระเจ้าเราเห็นว่าเป็นเวลาเช้าคือเวลาคุณภาพที่สุด
- พระเยซู มก.1.35 ครั้นเวลาเช้ามืดพระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐานที่นั่น
- อับราฮาม ปฐก.19.27 เวลาเช้ามืดอับราฮัมออกไปยังที่ที่ท่านยืนเฝ้าพระเจ้า
- โยบ โยบ 1.5 และเมื่อการเลี้ยงเวียนครบรอบแล้วโยบจะใช้ให้ไปทำพิธีชำระตัวเขาทั้งหลายให้บริสุทธิ์
และท่านจะตื่นแต่เช้ามืดถวายเครื่องเผาบูชาตามจำนวนของเขาทั้งหมดเพราะโยบกล่าวว่า
"ชะรอยบุตรของข้าพเจ้าได้กระทำบาปและแช่งพระเจ้าอยู่ในใจของเขา"โยบกระทำดังนี้เรื่อยมา
- ยาโคบ ปฐก.28.18 ยาโคบจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืดเอาก้อนหินซึ่งใช้หนุนศีรษะตั้งขึ้นเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์และเทน้ำมันบนยอดเสานั้น
- โมเสส อพย.34.4 ฝ่ายโมเสสจึงสกัดศิลาสองแผ่นเหมือนสองแผ่นแรกแล้วท่านก็ตื่นแต่เช้าขึ้นไปบน ภูเขาซีนายตามรับสั่งของพระเจ้าถือศิลาไปสองแผ่น
- ดาวิด สดด.5.3 ข้าแต่พระเจ้าในเวลาเช้าพระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพระองค์ซึ่งข้าพระองค์ เตรียมถวายเครื่องสักการบูชาแด่พระองค์และเฝ้าคอยดูอยู่
สดด.57.7-8 ข้าแต่พระเจ้าจิตใจของข้าพระองค์มั่นคงจิตใจของข้าพระองค์มั่นคงข้าพระองค์จะร้องเพลงข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดี
จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ยจงตื่นเถิดพิณใหญ่และพิณเขาคู่เอ๋ยจงตื่นเถิดข้าพเจ้าจะปลุกอรุณ
- เอลคามาห์และฮันนาห์ 1 ซมอ.1.19 เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าตรู่นมัสการพระเจ้า
แล้วเขาทั้งหลายก็กลับไปบ้านที่รามาห์และเอลคานาห์ก็สมสู่กับฮันนาห์ภรรยาของตน
และพระเจ้าทรงระลึกถึงนาง
ในคำถามที่ว่าเราควรใช้เวลาน่านสักเท่าไรในการเฝ้าเดี่ยว เป็นคำถามที่คนมักถามบ่อย ๆ
การใช้เวลาในการเฝ้าเดี่ยวมักขึ้นอยู่กับตัวเราเองกับพระเจ้าว่าเรามีความต้องการมากเพียงใดในการใช้เวลากับพระเจ้า
ถ้า เป็นการเฝ้าเดี่ยวครั้งแรก เราอาจจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งต่อไปจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติเมื่อจิตวิญญาณเจริญเติบโตขึ้น
ไม่ว่าเราจะใช้เวลา 15 นาที หรือนานนับเป็นชั่วโมง ในการเฝ้าเดี่ยว เราควรใช้เวลานั้นอย่างมีคุณภาพ
การเฝ้าเดี่ยวอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่าการทำนาน ๆ ครั้ง แม้ว่าแต่ละครั้งจะนานเป็นชั่วโมงก็ตาม
ค.การเลือกสถานที่ที่เหมาะสม
เราควรเลือกสถานที่ที่เราสามารถใช้เวลากับพระเจ้าได้อย่างมีคุณภาพ สถานที่ดังกล่าวจะเป็นสถานที่พิเศษสำหรับเรา
สถานที่ที่ดีควรเป็นสถานที่ที่ แยกออกจากสิ่งรบกวนต่างๆ ควรเป็นสถานที่ที่อ่านพระคัมภีร์ได้ แสงสว่างเพียงพอ
ง. วางแผนง่าย ๆ ในการนำสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเฝ้าเดี่ยว เช่น พระคัมภีร์ สมุดจด หนังสือเพลง
กีตาร์และอุปกรณ์อื่น ๆที่เราเห็นว่าเป็นส่วนประกอบในการเฝ้าเดี่ยว
เราควรวางแผนลำดับการเฝ้าเดี่ยวเบื้องต้นดังนี้
1.) เข้ามาเฝ้าพระเจ้าด้วยใจสงบ
2.) อธิษฐานสารภาพความบาปผิดต่อพระเจ้า
3.) อ่านพระคัมภีร์ด้วยใจอธิษฐาน เพื่อให้พระเจ้าพูดกับเราผ่านทางพระคำของพระองค์ เราอธิษฐานสนทนากับพระเจ้า
โดยการอ่านพระสัญญาของพระองค์ เราควรอ่านพระคัมภีร์ด้วยพิจารณาอย่างช้าๆ
4.) เขียนสิ่งที่พระเจ้าตรัสในใจของเราเมื่อเฝ้าเดี่ยวในสมุดจด
5.) นมัสการและอธิษฐานกับพระเจ้าในสิ่งนั้น ที่เราพบจากการอ่านพระคัมภีร์ การเฝ้าเดี่ยว ให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ทูลขอตามภาระใจของเรา

5. คำถามสำหรับการสนทนา
ท่านคิดว่าทำไมเราต้องสนทนากับพระเจ้าทุกวัน
เวลาและสถานที่ใดที่ท่านคิดว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับท่านในการสนทนาประจำวันกับพระเจ้า

6. การบ้านสำหรับผู้เชื่อใหม่
ท่องพระคัมภีร์
สด ด.5.3 ข้าแต่พระเจ้าในเวลาเช้าพระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพระองค์ซึ่งข้าพระองค์ เตรียมถวายเครื่องสักการบูชาแด่พระองค์และเฝ้าคอยดูอยู่
บันทึกสิ่งที่พระเจ้าตรัสแก่เราลงสมุดบันทึกส่วนตัว วันเวลาทูลขอ สถานที่ หัวข้ออธิษฐาน
ข้อพระคัมภีร์ที่อ้างอิง และสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเรา
เลือกฟังเทป
- จะอธิษฐานส่วนตัว
- เข้าใจการอธิษฐาน
- หลักประกันคำตอบอธิษฐาน

7. อ่านหนังสือ มุมสงบ ของกนกบรรณสาร

ที่มา: คริสตจักรแห่งนิมิตนครราชสีมา
     www.visionofchristchurch.com